วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ประวัติการ กบฎ ปฏิวัติและการรัฐประหารในประเทศไทย
"กบฏ ปฏิวัติ รัฐประหาร" โดยสาระสำคัญแล้ว การทำรัฐประหาร คือการใช้กำลังอำนาจเข้าเปลี่ยนแปลงอำนาจของรัฐ โดยมาก หากรัฐประหารครั้งนั้นสำเร็จ จะเรียกว่า "ปฏิวัติ" แต่หากไม่สำเร็จ จะเรียกว่า "กบฏ"
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยกลุ่มคณะราษฏร ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งคณะราษฏรได้ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สำเร็จ และคณะราษฏรก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากพระราชกำหนดนิรโทษกรรมครั้งนี้ โดยความเป็นจริงแล้ว ถ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงใช้พระราชอำนาจที่มีอยู่ในการสั่งปราบปรามคณะราษฏรในข้อหากบฏก็คงจะทรงทำได้ เพราะทหารในส่วนหัวเมืองที่ยังจงรักภักดีกับพระองค์ก็มีอยู่ไม่น้อย แต่เนื่องจากพระองค์เองทรงมีพระราชดำริที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญให้กับปวงชนชาวไทยอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอภิรัฐมนตรีสภาทัดทานอยู่ พระองค์จึงต้องรอโอกาสอันสมควร แต่เมื่อคณะราษฏรได้ชิงลงมือก่อการปฏิวัติก่อนก็สอดคล้องกับพระราชดำริ
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มีประเด็นที่น่าศึกษาดังนี้
1.จุดมุ่งหมายและอุดมการณ์ของคณะราษฏร คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นประชาธิปไตย โดยยึดถืออุดมการณ์ 6 ประการ คือ
- จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย
- จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ
- จะบำรุงความสุขสบายสมบูรณ์ของราษฏรในทางเศรษฐกิจ
- จะต้องให้ราษฏรมีสิทธิเสมอกัน
- จะต้องให้ราษฏรมีเสรีภาพ โดยไม่ขัดกับหลัก 4 ประการข้างต้น
- จะต้องให้การศึกษาแก่ราษฏรอย่างเต็มที่
2. สาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
- การปฏิรูปการศึกษาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่ได้รับการศึกษาแบบตะวันตกจากประเทศตะวันตก กลายเป็นผู้นำสมัยใหม่ และรับแนวคิดแบบประชาธิปไตยมาเป็นแบบอย่างในการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ
- จิตสำนึกของคนรุ่นใหม่และอิทธิพลของสื่อมวลชนที่มีลักษณะก้าวหน้าในสมัยนั้น ในช่วง เวลาก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดแบบประชาธิปไตยได้มีความตื่นตัว และอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองให้เป็นระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งบรรดาสื่อมวลชนต่างๆ ก็พากันแสดงความคิดเห็น และเสนอข้อเขียนสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแพร่หลาย
- ฐานะทางการคลังของประเทศและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในสมัยรัชกาลที่ 7 การคลังของประเทศเริ่มตกต่ำลงในตอนปลายสมัยรัชกาลที่ 6 เพราะสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศเกิดตกต่ำลง ครั้นในสมัยรัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงพยายามตัดทอนรายจ่ายทุกประเภทให้เหลือเท่าที่จำเป็น มีการปรับปรุงระบบภาษีให้รัดกุม เพื่อจะได้เก็บภาษีให้มากขึ้น และใช้วิธีการปลดข้าราชการออกเป็นจำนวนมาก เพื่อลดรายจ่ายของรัฐบาลให้น้อยลง ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจทั่วโลกก็กำลังตกต่ำลง จึงส่งผลกระทบต่อประเทศไทยจนรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้บรรลุผลได้ จึงเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฏรใน พ.ศ.2475
3. องค์ประกอบคณะราษฏร ประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ และพลเรือนจำนวน 99 คน โดยมีบุคคลสำคัญดังนี้
- พ.อ.พระยาพลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฏร
- พ.อ.พระยาทรงสุรเดช
- พ.อ.พระยาฤทธิอัคเนย์
- พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ
- พ.ต.หลวงพิบูลสงคราม
- พ.ต.หลวงทัศนัยนิยมศึก
- น.ต.หลวงสิทธุ์สงครามชัย
- น.ต.หลวงศุภชลาศัย
- หลวงประดิษฐมนูธรรม (นายปรีดี พนมยงศ์) หัวหน้าฝ่ายพลเรือน
- นายจรูญ สืบแสง
- นายควง อภัยวงศ์
4. การประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามและการจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ
- คณะราษฏรได้นำพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว ซึ่งนายปรีดี พนมยงค์ได้ร่างเตรียมไว้ขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และพระองค์ได้ทรงพระราชทานกลับคืนมาในวันที่ 27 มิถุนายน 2475 และได้เปิดสภาผู้แทนราษฏรเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2475 รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีชื่อว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว" - สาระสำคัญของพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว กำหนดไว้ว่า อำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ประกอบด้วยอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการ ซึ่งแต่เดิมเป็นของพระมหากษัตริย์ได้เปลี่ยนมาเป็นของปวงชนชาวไทยตามหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยรัฐธรรมนูญได้บัญญัติถึงตำแหน่งบริหารที่สำคัญคือ ประธานคณะกรรมการคณะราษฏร คือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่ประสานความเข้าใจระหว่างคณะราฏษรกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อความราบรื่นในการบริหารประเทศ ซึ่ง พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) เป็นผู้ได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฏรให้เป็นประธานคณะกรรมการคณะราษฏร
5.การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร
- หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแล้ว สภาผู้แทนราษฏรได้แต่งตั้งอนุกรรมการคณะหนึ่ง เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรสำหรับเป็นหลักการปกครองประเทศต่อไป ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 โดยมีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็น นายกรัฐมนตรี ทางด้านคณะราษฏรได้ส่งบุคคลระดับหัวหน้าฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนเข้าร่วมรัฐบาล โดยมี พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นผู้คุมเสียงข้างมากอยู่ในคณะรัฐมนตรี ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้จึงเรียกได้ว่าเป็น "รัฐบาลของคณะราษฏร"ซึ่งเป็นสมาคมการเมืองเดียวในขณะนั้น
1.จุดมุ่งหมายและอุดมการณ์ของคณะราษฏร คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นประชาธิปไตย โดยยึดถืออุดมการณ์ 6 ประการ คือ
- จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย
- จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ
- จะบำรุงความสุขสบายสมบูรณ์ของราษฏรในทางเศรษฐกิจ
- จะต้องให้ราษฏรมีสิทธิเสมอกัน
- จะต้องให้ราษฏรมีเสรีภาพ โดยไม่ขัดกับหลัก 4 ประการข้างต้น
- จะต้องให้การศึกษาแก่ราษฏรอย่างเต็มที่
2. สาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
- การปฏิรูปการศึกษาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่ได้รับการศึกษาแบบตะวันตกจากประเทศตะวันตก กลายเป็นผู้นำสมัยใหม่ และรับแนวคิดแบบประชาธิปไตยมาเป็นแบบอย่างในการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ
- จิตสำนึกของคนรุ่นใหม่และอิทธิพลของสื่อมวลชนที่มีลักษณะก้าวหน้าในสมัยนั้น ในช่วง เวลาก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดแบบประชาธิปไตยได้มีความตื่นตัว และอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองให้เป็นระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งบรรดาสื่อมวลชนต่างๆ ก็พากันแสดงความคิดเห็น และเสนอข้อเขียนสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแพร่หลาย
- ฐานะทางการคลังของประเทศและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในสมัยรัชกาลที่ 7 การคลังของประเทศเริ่มตกต่ำลงในตอนปลายสมัยรัชกาลที่ 6 เพราะสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศเกิดตกต่ำลง ครั้นในสมัยรัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงพยายามตัดทอนรายจ่ายทุกประเภทให้เหลือเท่าที่จำเป็น มีการปรับปรุงระบบภาษีให้รัดกุม เพื่อจะได้เก็บภาษีให้มากขึ้น และใช้วิธีการปลดข้าราชการออกเป็นจำนวนมาก เพื่อลดรายจ่ายของรัฐบาลให้น้อยลง ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจทั่วโลกก็กำลังตกต่ำลง จึงส่งผลกระทบต่อประเทศไทยจนรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้บรรลุผลได้ จึงเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฏรใน พ.ศ.2475
3. องค์ประกอบคณะราษฏร ประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ และพลเรือนจำนวน 99 คน โดยมีบุคคลสำคัญดังนี้
- พ.อ.พระยาพลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฏร
- พ.อ.พระยาทรงสุรเดช
- พ.อ.พระยาฤทธิอัคเนย์
- พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ
- พ.ต.หลวงพิบูลสงคราม
- พ.ต.หลวงทัศนัยนิยมศึก
- น.ต.หลวงสิทธุ์สงครามชัย
- น.ต.หลวงศุภชลาศัย
- หลวงประดิษฐมนูธรรม (นายปรีดี พนมยงศ์) หัวหน้าฝ่ายพลเรือน
- นายจรูญ สืบแสง
- นายควง อภัยวงศ์
4. การประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามและการจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ
- คณะราษฏรได้นำพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว ซึ่งนายปรีดี พนมยงค์ได้ร่างเตรียมไว้ขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และพระองค์ได้ทรงพระราชทานกลับคืนมาในวันที่ 27 มิถุนายน 2475 และได้เปิดสภาผู้แทนราษฏรเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2475 รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีชื่อว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว" - สาระสำคัญของพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว กำหนดไว้ว่า อำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ประกอบด้วยอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการ ซึ่งแต่เดิมเป็นของพระมหากษัตริย์ได้เปลี่ยนมาเป็นของปวงชนชาวไทยตามหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยรัฐธรรมนูญได้บัญญัติถึงตำแหน่งบริหารที่สำคัญคือ ประธานคณะกรรมการคณะราษฏร คือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่ประสานความเข้าใจระหว่างคณะราฏษรกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อความราบรื่นในการบริหารประเทศ ซึ่ง พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) เป็นผู้ได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฏรให้เป็นประธานคณะกรรมการคณะราษฏร
5.การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร
- หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแล้ว สภาผู้แทนราษฏรได้แต่งตั้งอนุกรรมการคณะหนึ่ง เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรสำหรับเป็นหลักการปกครองประเทศต่อไป ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 โดยมีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็น นายกรัฐมนตรี ทางด้านคณะราษฏรได้ส่งบุคคลระดับหัวหน้าฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนเข้าร่วมรัฐบาล โดยมี พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นผู้คุมเสียงข้างมากอยู่ในคณะรัฐมนตรี ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้จึงเรียกได้ว่าเป็น "รัฐบาลของคณะราษฏร"ซึ่งเป็นสมาคมการเมืองเดียวในขณะนั้น
รายงานผลการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม พ.ศ.2554
ชื่อพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส.ส.แบ่งเขต รวม
2.ประชาธิปัตย์ 44 115 159
3.ภูมิใจไทย 5 29 34
4.ชาติไทยพัฒนา 4 15 19
5.ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 2 5 7
6.พลังชล 1 6 7
7.รักประเทศไทย 4 - 4
8.มาตุภูมิ 1 1 29.รักษ์สันติ 1 - 110,มหาชน 1 - 1
11.ประชาธิปไตยใหม่ 1 - 1
พรรคร่วมรัฐบาลประกอบด้วยกี่พรรค1.พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ ส.ส จำนวน 19 ที่นั่ง2.พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้ ส.ส จำนวน 7 ที่นั่ง
3.พรรคพลังชล ได้ ส.ส จำนวน 7 ที่นั่ง4.พรรคมหาชน ได้ ส.ส จำนวน 1 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้นพรรคร่วมรัฐบาลมี สส. 34 คน
1.เพื่อไทย 61 204 265
2.ประชาธิปัตย์ 44 115 159
3.ภูมิใจไทย 5 29 34
4.ชาติไทยพัฒนา 4 15 19
5.ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 2 5 7
6.พลังชล 1 6 7
7.รักประเทศไทย 4 - 4
8.มาตุภูมิ 1 1 29.รักษ์สันติ 1 - 110,มหาชน 1 - 1
11.ประชาธิปไตยใหม่ 1 - 1
รวม 125 375 500
พรรคร่วมรัฐบาลประกอบด้วยกี่พรรค1.พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ ส.ส จำนวน 19 ที่นั่ง2.พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้ ส.ส จำนวน 7 ที่นั่ง
3.พรรคพลังชล ได้ ส.ส จำนวน 7 ที่นั่ง4.พรรคมหาชน ได้ ส.ส จำนวน 1 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้นพรรคร่วมรัฐบาลมี สส. 34 คน
พรรคการเมือง
สัญญลักษณ์ | ชื่อพรรคการเมือง/ชื่อหัวหน้าพรรค | ชื่อย่อ | หมายเลข |
พรรค เพื่อไทย นาง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร | พท. | 1. | |
พรรค ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นาย วรรณรัตน์ ชาญนุกูล | ชพน. หรือ CPN. | 2 | |
พรรค ประชาธิปไตยใหม่ นาย สุรทิน พิจารณ์ | ปธม. หรือ NDCP. | 3 | |
พรรค ประชากรไทย นาย สุมิตร สุนทรเวช | ปชท. หรือ TCP. | 4 | |
พรรค รักประเทศไทย นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ | รปท. หรือ R.TL.P | 5 | |
พรรค พลังชล รศ. เชาวน์ มณีวงษ์ | พช. หรือ PC | 6 | |
พรรค ประชาธรรม นาย มุคตาร์ กีละ | พปธ. หรือ PCT. | 7 | |
พรรค ดำรงไทย นายโชติพัฒน์ สกุลดีเชิดชู | ดธ. หรือ DR.P | 8 | |
พรรค พลังมวลชน นายไกรภพ ครองจักรภพ | พลช. หรือ MPP. | 9 | |
พรรค ประชาธิปัตย์ นาย อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ | ปชป. หรือ DP. | 10 | |
พรรค ไทยพอเพียง นาย จำรัส อินทุมาร | ทพ. หรือ TPPP. | 11 | |
พรรค รักษ์สันติ พลตำรวจโท ถวิล สุรเชษฐพงษ์ | รส. หรือ RSP. | 12 | |
พรรค ไทยเป็นสุข นาย ประดิษฐ์ ศรีประชา | ทปส. หรือ TPS. | 13 | |
พรรค กิจสังคม นาย ทองพูล ดีไพร | กส. หรือ SAP. | 14 | |
พรรค ไทยเป็นไทย นาย ตรีสัลล์ จันทน์เทียนเดชา | ทปท. หรือ T.I.P. | 15 | |
พรรค ภูมิใจไทย นาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล | ภท. หรือ BJT | 16 | |
พรรค แทนคุณแผ่นดิน นาย วิชัย ศิรินคร | ทคผ. หรือ TKP. | 17 | |
พรรค เพื่อฟ้าดิน นางสาว ขวัญดิน สิงห์คำ | พฟด. หรือ FHAE. | 18 | |
พรรค เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย นาย โชติ บุญจริง | พนท. หรือ FNTP. | 19 | |
พรรค การเมืองใหม่ นาย สมศัก โกศัยสุข (รองหัวหน้าพรรคปฏิบัติด์ิหน้าที่แทน) | ก.ม.ม. หรือ NPP. | 20 | |
พรรค ชาติไทยพัฒนา นาย ชุมพล ศิลปอาชา | ชทพ. หรือ CP. | 21 | |
พรรค เสรีนิยม นาย พุทธชาติ ช่วยราม | ส.ร.น. หรือ L.P. | 22 | |
พรรค ชาติสามัคคี นาย นพดล ไชยฤทธิเดช | ช.ส.ม. หรือ C.S.P. | 23 | |
พรรค บำรุงเมือง นาย สุวรรณ ประมูลชัย | บม. หรือ B.M.P. | 24 | |
พรรค กสิกรไทย นาย จำลอง ดำสิม | กท. หรือ KT. | 25 | |
พรรค มาตุภูมิ พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน | มภ. หรือ MB. | 26 | |
พรรค ชีวิตที่ดีกว่า นาย พจน์กรณ์ ตันติภิรมย์ | พชก. หรือ BLP. | 27 | |
พรรค พลังสังคมไทย นาย วิวัฒน์ เลอยุกต์ | พสท. หรือ RSTP. | 28 | |
พรรค เพื่อประชาชนไทย นาย ดิเรก กลิ่นจันทร์ | พ.ป.ท. หรือ R.T.P. | 29 | |
พรรค มหาชน นาย อภิรัต ศิรินาวิน | พมช. หรืิอ MCP. | 30 | |
พรรค ประชาชนชาวไทย นาย สุนทร ศรีบุญนาค | ปชชท. หรือ RCCTP. | 31 | |
พรรค รักแผ่นดิน นาย ประทีป ประภัสสร | รผด. หรือ RPD. | 32 | |
พรรค ประชาสันติ นาย ดลสวัสด์ิ ชาติเมธี (รองหัวหน้าพรรครักษาการแทน) | ปส. หรือ CPP. | 33 | |
พรรค ความหวังใหม่ นาย ชิงชัย มงคลธรรม | ควม. หรือ NAP. | 34 | |
พรรค อาสามาตุภูมิ นาย มนตรี เศรษฐบุตร | อ.ส.ม. หรือ A.R.A. | 35 | |
พรรค พลังคนกีฬา นาย วนัสธนา สัจจกุล | พ.ก. หรือ S.P.O.T. | 36 | |
พรรค พลังชาวนาไทย นายสัมฤทธ์ิ แก้วทน | พ.ชนท. หรือ P.CNT. | 37 | |
พรรค ไทยสร้างสรรค์ นายวิษณุภตฆ์ พีรเจริญวงส์ (เลขาธิการพรรครักษาการแทน) | ท.ส. หรือ T.S. | 38 | |
พรรค เพื่อนเกษตรไทย นายทรงเดช สุขขำ (รองหัวหน้าพรรคปฏิบัติหน้าที่แทน) | พ.ก.ท. หรือ P.K.T. | 39 | |
พรรค มหารัฐพัฒนา นางสาวนวลนิจ หงษ์วิวัฒน์ | ม.ร.พ. หรือ M.R.P. | 40 |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)